มนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกที่สุดในโลก. เพราะเขายอมสละสุขภาพเพื่อหาเงิน. แล้วก็ยอมสละเงินเพื่อ ให้สุขภาพฟื้นขึ้นมา. แนะนำใช้ นวัตกรรมนาโน สเปย์ฉีดใต้ลิ้น. ที่เรียกว่าอาร์มิก จะได้ไม่ต้องหนักใจเรื่องสุขภาพกันต่อไป.
เรามาดูว่าสารต้านความชราจากไวน์แดง Anti Aging From The Wine
เมื่อเร็วๆนี้ที่ประเทศอังกฤษได้มีการคิดค้นตัวยาที่เชื่อว่าจะเป็นยาอายุวัฒนะ ต่อต้านความแก่ชราได้ ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารที่สกัดได้จากไวน์แดง เชื่อว่าจะทำให้มนุษย์อายุยืนยาวได้ถึง 150 ปี ในรายงานบอกว่าสารดังกล่าวคือ “สารเรสเวอราทรอล” Resveratrol ซึ่งพบอยู่ในไวน์แดงและยังมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง และโรคเบาหวานประเภท 2 ได้อีกด้วย สารนี้จะช่วยกระตุ้นโปรตีนในร่างกายที่ชื่อ SIRT1 ตลอดจนเอนไซน์ต่างๆในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งโปรตีนดังกล่าว มีคุณสมบัติต่อต้านความชราได้ และได้มีการทดสอบสารสกัดตัวนี้กับผู้ป่วยต่างๆ ทั้งที่เป็นมะเร็ง เบาหวานและโรคหัวใจ พบว่าผลออกมาในทางบวก
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
นายเดวิด ซินแคลร์ ศาสตราจารย์ด้านพันธุกรรมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด เผยว่า สารเรสเวอราทรอลที่สกัดจากองุ่น จะเข้าไปทำงานกับโปรตีน SIRT 1 ซึ่งเป็นเอนไซม์ชะลอวัยที่มีอยู่ตามธรรมชาติของมนุษย์ เอมไซม์ตัวนี้ จะเข้ามาขัดขวางขัดขวางโรคภัยที่มาพร้อมวัยของมนุษย์ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อมโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ พร้อมทั้งช่วยให้ชะลอวัยและทำให้อายุยืนยาวขึ้น จากการทดสอบกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวานและโรคหัวใจ พบว่า สารเรสเวอราทรอล สามารถป้องกันและรักษาได้จริง และไม่เพียงเท่านั้น ศาสตราจาย์เดวิด ยังเผยว่าสารเรสเวอราทรอลนี้จะต่างไปจากยาตัวอื่นๆ ทั่วไปที่สามารถรักษาโรคได้เพียงโรคเดียว โดยสารเรสเวอราทรอลที่สังเคราะห์ขึ้นนี้จะสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกหลายโรคด้ว
ปรากฎการณ์เดอะเฟรนช์พาราด็อกซ( TheFrenchParadox)
 เฟรนช์พาราด็อกซ์ หรือปฏิทรรศน์ฝรั่งเศส เป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันดี ในวงการอาหารและการแพทย์ ซึ่งนำไปสู่คำถาม “ทำไมชาวฝรั่งเศสถึงมีอายุยืนยาวเมื่อเทียบกับชาวอเมริกัน อัตราการเสียชีวิตจากโรคเซลเสื่อมถอยน้อยกว่า ถึง 3 เท่า ทั้งที่มีความเสี่ยงในโรคหัวใจจากอาหารที่รับประทานของชาวฝรั่งเศส ที่มีเนย นม เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงคำตอบก็คือชาวฝรั่งเศสนิยมดื่มไวน์เป็นประจำสม่ำเสมอ” ในสองทศวรรษที่ผ่านมานักวิจัยได้ค้นพบสาร resveratrol ที่เปลือกและเมล็ดองุ่น ซึ่ง ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โดย resveratrol ซึ่งเป็นสาร polyphenol(โพลีฟีนอล) ที่ให้ผลในการเพิ่มความไวของอินซูลิน ลดความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่งานวิจัยที่ผ่านมาศึกษากันในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นนักวิจัยในประเทศสเปนจึงได้ทำการวิจัยในคนเป็นเวลานานที่สุดที่มีมาเพื่อดูผลของ resveratrol
การวิจัยศึกษาแบบ Triple – blinded control ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ 75 คน โดยการแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้รับประทาน rerveratrol 8 mg กลุ่มที่สองให้ทานยาหลอก (maltodextrin) กลุ่มที่สามให้ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากองุ่นแต่ ไม่มีส่วนผสมของ rerveratrol เป็นเวลา 6 เดือน และเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าในอีก 6 เดือนต่อมา ผลการวิจัยพบว่า เฉพาะกลุ่มที่รับประทาน resveratrol ผลคือจะช่วยลดระดับ c-reactive protein (CRP) Tumor necrosis factor ∝, PAI 1 (Plasminogen activator inhibitor type 1) และเพิ่ม interleukin-10 ซึ่งต้านการอักเสบ จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจในผู้ป่วยที่รับประทานได้ จากการศึกษายังพบอีกว่า resrveratrol ทำงานให้ผลคล้ายคลึงกับ Statin ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอล และการรับประทาน resrveratrol ควบคู่กับ Pravastatin ให้ผลดีกว่าทาน Statin เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ resveratrol อาจถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่ วยที่ มีคอเลสเทอรอลสูง อีกด้วย
มหัศจรรย์เปลือกและเมล็ดองุ่น เรสเวอราทรอล สารอาหารเพื่อการย้อนวัย

มหัศจรรย์เปลือกองุ่น (Resveratrol) เรสเวอราทรอล มหัศจรรย์เปลือกองุ่นเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารกลุ่มโพลีฟีนนอลที่พบในไวน์แดง เปลือกองุ่น เปลือกถั่วลิสง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด หน้าที่ของเรสเวอราทรอลในพืช คือ เป็นสารซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบป้องกันภัยของพืช จากอันตรายจากการบาดเจ็บการติดเชื้อ และโรคของพืช
ในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองพบว่าเรสเวอราทรอลสามารถยืดอายุขัยของยีสต์ซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียวได้ถึง 70% ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับการยืดอายุขัยของชีวิตมนุษย์ ต่อมาจึงได้มีการทดลองในสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น หนอน ปลามีกระดูกสันหลังพบว่าได้ผลเช่นเดียวกัน
ในปี 2007 มีการทดลองให้หนูรับประทานอาหารแคลอรี่สูงกว่าปกติ ถึง 30% และแบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารแคลอรี่สูงอย่างเดียว ส่วนหนูอีกกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารแคลอรี่สูง และ ได้รับเรสเวอราทรอล วันละ 22 มก. ร่วมด้วย ผลปรากฏว่าหนูกลุ่มที่รับประทาน เรสเวอราทรอลร่วมด้วย มีอัตราการตายจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดน้อยกว่าหนูกลุ่มที่ได้รับอาหารแคลอรี่สูงถึง 30%
นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมุติฐานว่าเมื่อบริโภคเรสเวอราทรอลเข้าไปในร่างกายจะไปกระตุ้นยีนเซอร์ทูอิน วัน (Sirtuin -1) ซึ่งปกติจะถูกกระตุ้นเมื่อร่างกายสิ่งมีชีวิตถูกจำกัดแคลอรี่ (Caloric Restriction) การกระตุ้น Sirtuin -1 มีผลให้เกิดการกระตุ้นการเผาผลาญเป็นโอกาส และความหวังของคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
นอกจากผลในการกระตุ้นการเผาผลาญแล้ว ผลวิจัยที่โดดเด่นของเรสเวอทรอล คือ การรับประทาน เพื่อป้องกันโรคมะเร็ง และมีผลวิจัยยืนยันในสัตว์ทดลองมากมาย กลไกของเรสเวอราทรอลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง คือ การกระตุ้นการฆ่าตัวตายของเซลล์มะเร็ง ต่อมา วิจัยในมนุษย์ ในการใช้ เรสเวอราทรอล เป็นอาหารเสริมในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งผิวหนัง
มีงานวิจัยถึงผลของเรสเวอราทรอลในยีสต์ และในสัตว์ทดลองมากมายกว่า 4,000 ฉบับ
จนถึงปี 2010 โดยมีผลวิจัยที่โดดเด่นดังนี้
1.การยืดอายุขัยของเซลล์ยีสต์ได้ถึง 70% ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับการจำกัดปริมาณอาหารเพื่อยืดอายุขัยของเซลล์มนุษย์
2.งานวิจัยในหนูทดลองในปี 2006 ที่ประเทศฝรั่งเศส ถึงฤทธิ์ในการป้องกันโรคเบาหวาน และโรคอ้วนในหนู รวมทั้งผลการกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
3.กระตุ้นการผลิตสเต็มเซลล์จากไขกระดูก ส่งผลให้มีการซ่อมแซมทั่วร่างกาย
4.ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด
5.ปรับสมดุลคอเลสเตอรอลในเลือด
6.การป้องกันโรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมอัลไซเมอร์
7.ป้องกันการเกิดมะเร็ง และร่วมบำบัดโรคมะเร็งที่เป็นแล้วขนาดรับประทานในมนุษย์ มีคำแนะนำที่หลากหลาย ตั้งแต่ 20 มก.-100 มก. ต่อวัน
WHY RESVERATROL WHY RMIX
33 Miracle of Resveratrol
ประโยชน์ต่อชลอความแก่
1.ช่วยป้องกันร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
2.ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์
3.ช่วยยืดอายุขัย
4.ช่วยยับยั้งโรคจิตเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์
5.ช่วยยับยั้งภาวะความจำเสื่อม
6.ช่วยป้องกันโรคพาร์คินสัน
7.เสริมสร้างระบบสมองและความจำ
8.เพิ่มพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกาย
ประโยชน์ต่อหลอดเลือดหัวใจ
9. ลดระดับ แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล
10. ลดระดับความดันโลหิตสูง
11. ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
12. เสริมสร้างการทำงานของระบบหลอดเลือดหัวใจ
13. ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์
14. เพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด
15. ช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และการรวมตัวของลิ่มเลือด
ประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
16. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
17. ทำลายเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
18. บรรเทาอาการภูมิแพ้
19. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสหวัด
ประโยชน์ต่อดีเอ็นเอ / มะเร็ง
20. ต่อต้านการทำลายดีเอ็นเอ
21. ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง
22. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก
ประโยชน์ด้านอื่นๆ
23. รักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
24. ปกป้องรังสีจากแสงแดด
25. เพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
26. ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก
27. ลดความเสี่ยงต่อภาวะสูญเสียการมองเห็น
28. ลดการอักเสบและบวม
29. ช่วยในการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
30. ต่อต้านเชื้อ HIV
31. ฟื้นฟูสภาพผิว
32. ช่วยลดริ้วรอย
33. ป้องกันร่างกายจากการบาดเจ็บ
เรามาดูว่าสารต้านความชราจากไวน์แดง Anti Aging From The Wine
เมื่อเร็วๆนี้ที่ประเทศอังกฤษได้มีการคิดค้นตัวยาที่เชื่อว่าจะเป็นยาอายุวัฒนะ ต่อต้านความแก่ชราได้ ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารที่สกัดได้จากไวน์แดง เชื่อว่าจะทำให้มนุษย์อายุยืนยาวได้ถึง 150 ปี ในรายงานบอกว่าสารดังกล่าวคือ “สารเรสเวอราทรอล” Resveratrol ซึ่งพบอยู่ในไวน์แดงและยังมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง และโรคเบาหวานประเภท 2 ได้อีกด้วย สารนี้จะช่วยกระตุ้นโปรตีนในร่างกายที่ชื่อ SIRT1 ตลอดจนเอนไซน์ต่างๆในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งโปรตีนดังกล่าว มีคุณสมบัติต่อต้านความชราได้ และได้มีการทดสอบสารสกัดตัวนี้กับผู้ป่วยต่างๆ ทั้งที่เป็นมะเร็ง เบาหวานและโรคหัวใจ พบว่าผลออกมาในทางบวก
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
นายเดวิด ซินแคลร์ ศาสตราจารย์ด้านพันธุกรรมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด เผยว่า สารเรสเวอราทรอลที่สกัดจากองุ่น จะเข้าไปทำงานกับโปรตีน SIRT 1 ซึ่งเป็นเอนไซม์ชะลอวัยที่มีอยู่ตามธรรมชาติของมนุษย์ เอมไซม์ตัวนี้ จะเข้ามาขัดขวางขัดขวางโรคภัยที่มาพร้อมวัยของมนุษย์ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อมโรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ พร้อมทั้งช่วยให้ชะลอวัยและทำให้อายุยืนยาวขึ้น จากการทดสอบกับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง โรคเบาหวานและโรคหัวใจ พบว่า สารเรสเวอราทรอล สามารถป้องกันและรักษาได้จริง และไม่เพียงเท่านั้น ศาสตราจาย์เดวิด ยังเผยว่าสารเรสเวอราทรอลนี้จะต่างไปจากยาตัวอื่นๆ ทั่วไปที่สามารถรักษาโรคได้เพียงโรคเดียว โดยสารเรสเวอราทรอลที่สังเคราะห์ขึ้นนี้จะสามารถป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกหลายโรคด้ว
ปรากฎการณ์เดอะเฟรนช์พาราด็อกซ( TheFrenchParadox)
 เฟรนช์พาราด็อกซ์ หรือปฏิทรรศน์ฝรั่งเศส เป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันดี ในวงการอาหารและการแพทย์ ซึ่งนำไปสู่คำถาม “ทำไมชาวฝรั่งเศสถึงมีอายุยืนยาวเมื่อเทียบกับชาวอเมริกัน อัตราการเสียชีวิตจากโรคเซลเสื่อมถอยน้อยกว่า ถึง 3 เท่า ทั้งที่มีความเสี่ยงในโรคหัวใจจากอาหารที่รับประทานของชาวฝรั่งเศส ที่มีเนย นม เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงคำตอบก็คือชาวฝรั่งเศสนิยมดื่มไวน์เป็นประจำสม่ำเสมอ” ในสองทศวรรษที่ผ่านมานักวิจัยได้ค้นพบสาร resveratrol ที่เปลือกและเมล็ดองุ่น ซึ่ง ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ โดย resveratrol ซึ่งเป็นสาร polyphenol(โพลีฟีนอล) ที่ให้ผลในการเพิ่มความไวของอินซูลิน ลดความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่งานวิจัยที่ผ่านมาศึกษากันในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นนักวิจัยในประเทศสเปนจึงได้ทำการวิจัยในคนเป็นเวลานานที่สุดที่มีมาเพื่อดูผลของ resveratrol
การวิจัยศึกษาแบบ Triple – blinded control ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ 75 คน โดยการแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกให้รับประทาน rerveratrol 8 mg กลุ่มที่สองให้ทานยาหลอก (maltodextrin) กลุ่มที่สามให้ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากองุ่นแต่ ไม่มีส่วนผสมของ rerveratrol เป็นเวลา 6 เดือน และเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่าในอีก 6 เดือนต่อมา ผลการวิจัยพบว่า เฉพาะกลุ่มที่รับประทาน resveratrol ผลคือจะช่วยลดระดับ c-reactive protein (CRP) Tumor necrosis factor ∝, PAI 1 (Plasminogen activator inhibitor type 1) และเพิ่ม interleukin-10 ซึ่งต้านการอักเสบ จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจในผู้ป่วยที่รับประทานได้ จากการศึกษายังพบอีกว่า resrveratrol ทำงานให้ผลคล้ายคลึงกับ Statin ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอล และการรับประทาน resrveratrol ควบคู่กับ Pravastatin ให้ผลดีกว่าทาน Statin เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามในอนาคตอันใกล้นี้ resveratrol อาจถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่ วยที่ มีคอเลสเทอรอลสูง อีกด้วย
มหัศจรรย์เปลือกและเมล็ดองุ่น เรสเวอราทรอล สารอาหารเพื่อการย้อนวัย

มหัศจรรย์เปลือกองุ่น (Resveratrol) เรสเวอราทรอล มหัศจรรย์เปลือกองุ่นเรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารกลุ่มโพลีฟีนนอลที่พบในไวน์แดง เปลือกองุ่น เปลือกถั่วลิสง และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด หน้าที่ของเรสเวอราทรอลในพืช คือ เป็นสารซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบป้องกันภัยของพืช จากอันตรายจากการบาดเจ็บการติดเชื้อ และโรคของพืช
ในปี 2003 นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองพบว่าเรสเวอราทรอลสามารถยืดอายุขัยของยีสต์ซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียวได้ถึง 70% ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับการยืดอายุขัยของชีวิตมนุษย์ ต่อมาจึงได้มีการทดลองในสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น หนอน ปลามีกระดูกสันหลังพบว่าได้ผลเช่นเดียวกัน
ในปี 2007 มีการทดลองให้หนูรับประทานอาหารแคลอรี่สูงกว่าปกติ ถึง 30% และแบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารแคลอรี่สูงอย่างเดียว ส่วนหนูอีกกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารแคลอรี่สูง และ ได้รับเรสเวอราทรอล วันละ 22 มก. ร่วมด้วย ผลปรากฏว่าหนูกลุ่มที่รับประทาน เรสเวอราทรอลร่วมด้วย มีอัตราการตายจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดน้อยกว่าหนูกลุ่มที่ได้รับอาหารแคลอรี่สูงถึง 30%
นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมุติฐานว่าเมื่อบริโภคเรสเวอราทรอลเข้าไปในร่างกายจะไปกระตุ้นยีนเซอร์ทูอิน วัน (Sirtuin -1) ซึ่งปกติจะถูกกระตุ้นเมื่อร่างกายสิ่งมีชีวิตถูกจำกัดแคลอรี่ (Caloric Restriction) การกระตุ้น Sirtuin -1 มีผลให้เกิดการกระตุ้นการเผาผลาญเป็นโอกาส และความหวังของคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
นอกจากผลในการกระตุ้นการเผาผลาญแล้ว ผลวิจัยที่โดดเด่นของเรสเวอทรอล คือ การรับประทาน เพื่อป้องกันโรคมะเร็ง และมีผลวิจัยยืนยันในสัตว์ทดลองมากมาย กลไกของเรสเวอราทรอลในการฆ่าเซลล์มะเร็ง คือ การกระตุ้นการฆ่าตัวตายของเซลล์มะเร็ง ต่อมา วิจัยในมนุษย์ ในการใช้ เรสเวอราทรอล เป็นอาหารเสริมในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งผิวหนัง
มีงานวิจัยถึงผลของเรสเวอราทรอลในยีสต์ และในสัตว์ทดลองมากมายกว่า 4,000 ฉบับ
จนถึงปี 2010 โดยมีผลวิจัยที่โดดเด่นดังนี้
1.การยืดอายุขัยของเซลล์ยีสต์ได้ถึง 70% ซึ่งเป็นกลไกเดียวกับการจำกัดปริมาณอาหารเพื่อยืดอายุขัยของเซลล์มนุษย์
2.งานวิจัยในหนูทดลองในปี 2006 ที่ประเทศฝรั่งเศส ถึงฤทธิ์ในการป้องกันโรคเบาหวาน และโรคอ้วนในหนู รวมทั้งผลการกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
3.กระตุ้นการผลิตสเต็มเซลล์จากไขกระดูก ส่งผลให้มีการซ่อมแซมทั่วร่างกาย
4.ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด
5.ปรับสมดุลคอเลสเตอรอลในเลือด
6.การป้องกันโรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมอัลไซเมอร์
7.ป้องกันการเกิดมะเร็ง และร่วมบำบัดโรคมะเร็งที่เป็นแล้วขนาดรับประทานในมนุษย์ มีคำแนะนำที่หลากหลาย ตั้งแต่ 20 มก.-100 มก. ต่อวัน
WHY RESVERATROL WHY RMIX
33 Miracle of Resveratrol
ประโยชน์ต่อชลอความแก่
1.ช่วยป้องกันร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ
2.ช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์
3.ช่วยยืดอายุขัย
4.ช่วยยับยั้งโรคจิตเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์
5.ช่วยยับยั้งภาวะความจำเสื่อม
6.ช่วยป้องกันโรคพาร์คินสัน
7.เสริมสร้างระบบสมองและความจำ
8.เพิ่มพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกาย
ประโยชน์ต่อหลอดเลือดหัวใจ
9. ลดระดับ แอล ดี แอล โคเลสเตอรอล
10. ลดระดับความดันโลหิตสูง
11. ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
12. เสริมสร้างการทำงานของระบบหลอดเลือดหัวใจ
13. ลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์
14. เพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด
15. ช่วยป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และการรวมตัวของลิ่มเลือด
ประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน
16. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
17. ทำลายเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
18. บรรเทาอาการภูมิแพ้
19. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสหวัด
ประโยชน์ต่อดีเอ็นเอ / มะเร็ง
20. ต่อต้านการทำลายดีเอ็นเอ
21. ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง
22. ยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก
ประโยชน์ด้านอื่นๆ
23. รักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
24. ปกป้องรังสีจากแสงแดด
25. เพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
26. ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก
27. ลดความเสี่ยงต่อภาวะสูญเสียการมองเห็น
28. ลดการอักเสบและบวม
29. ช่วยในการทำงานของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น
30. ต่อต้านเชื้อ HIV
31. ฟื้นฟูสภาพผิว
32. ช่วยลดริ้วรอย
33. ป้องกันร่างกายจากการบาดเจ็บ
HGH คืออะไร
HGH หรือ Human Growth Hormone โดยทั่วไปเรียกย่อว่า GH ก็ได้ GH เป็นฮอร์โมนหลัก (Master Hormone) ที่ถูกปล่อยออกมาจากต่อมไร้ท่อที่อยู่ใต้สมองส่วนหน้า หรือที่เรียกว่า Pituitary Gland ฮอร์โมนนี้มีบทบาทที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต และควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายคนเรา GH จุะถูกปล่อยออกมาในเวลาที่หลับสนิท (Deep Sleep) เมื่อคนเราหลับดี ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ และทำให้มีสุขภาพดี ซึ่ง GH ที่หลั่งออกมาในการนอนหลับ หลัง 90 นาทีแรก จะมีคุณภาพดีและเข้มข้นที่สุดจะเห็นได้ว่าในวัยเด็ก จะมีการนอนหลับมาก และจะลดน้อยถอยลง จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น 0-14 ปี วัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ 15-25 ปี วัยกลางคน 26-45 ปี และวัยชราจะเริ่มตั้งแต่ 46-50 ปี เป็นต้นไป โดยหลังจากอายุ 25 ปีแล้ว GH จะลดลงในอัตรา 1.4% ต่อปี และเมื่ออายุ 55-60 ปีนั้น จะเหลือ GH เพียง 25%ของเมื่ออายุ 20 ปี ซึ่งจะมิชั่วโมงการนอนหลับน้อยกว่าวัยเด็กมาก

HGH เกี่ยวข้องกับความชราอย่างไร
HGH จะหลั่งในช่วงแรกของการหลับในปริมาณสูง โดย ในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น HGH จะมีอยู่มากโดยธรรมชาติ
หลังจากอายุ 20 ปี HGH จะลดปริมาณลง14% ในทุก ๆ สิบปี
อายุ 40 ปี เกือบทุกคนจะอยู่ในภาวะขาด HGH
อายุ 55 ปี ฮอร์โมนจะเหลือเพียง 20%
อายุ 80 ปี ฮอร์โมนเหลือ 0%
ภาวะการขาด HGH
กล้ามเนื้อลีบลง ความต้องการทางเพศลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ผิวหนังเหี่ยวย่น กระดูกพรุน ผมหงอก อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง สมองเสื่อม ความจำถดถอย ภาวะซึมเศร้า
การรักษาระดับ HGH ในร่างกายทำได้อย่างไร
ฉีดหรือ กิน HGH สังเคราะห์โดยแพทย์เท่านั้น
กินสารอาหารประเภทกรดอะมิโนที่จะไปกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่ง
ใช้ในรูปของสเปรย์ให้สารอาหารที่มีกรดอะมิโนที่จะไปกระตุ้นให้ต่อม ใต้สมองหลั่ง HGH
กรดอะมิโนดังกล่าวคือ อาร์จินีน ออนิทีน กลูตามีน ไลซีน
HGH หรือ Human Growth Hormone โดยทั่วไปเรียกย่อว่า GH ก็ได้ GH เป็นฮอร์โมนหลัก (Master Hormone) ที่ถูกปล่อยออกมาจากต่อมไร้ท่อที่อยู่ใต้สมองส่วนหน้า หรือที่เรียกว่า Pituitary Gland ฮอร์โมนนี้มีบทบาทที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต และควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกายคนเรา GH จุะถูกปล่อยออกมาในเวลาที่หลับสนิท (Deep Sleep) เมื่อคนเราหลับดี ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ และทำให้มีสุขภาพดี ซึ่ง GH ที่หลั่งออกมาในการนอนหลับ หลัง 90 นาทีแรก จะมีคุณภาพดีและเข้มข้นที่สุดจะเห็นได้ว่าในวัยเด็ก จะมีการนอนหลับมาก และจะลดน้อยถอยลง จากวัยเด็กสู่วัยรุ่น 0-14 ปี วัยรุ่นสู่วัยผู้ใหญ่ 15-25 ปี วัยกลางคน 26-45 ปี และวัยชราจะเริ่มตั้งแต่ 46-50 ปี เป็นต้นไป โดยหลังจากอายุ 25 ปีแล้ว GH จะลดลงในอัตรา 1.4% ต่อปี และเมื่ออายุ 55-60 ปีนั้น จะเหลือ GH เพียง 25%ของเมื่ออายุ 20 ปี ซึ่งจะมิชั่วโมงการนอนหลับน้อยกว่าวัยเด็กมาก

HGH เกี่ยวข้องกับความชราอย่างไร
HGH จะหลั่งในช่วงแรกของการหลับในปริมาณสูง โดย ในวัยเด็กจนถึงวัยรุ่น HGH จะมีอยู่มากโดยธรรมชาติ
หลังจากอายุ 20 ปี HGH จะลดปริมาณลง14% ในทุก ๆ สิบปี
อายุ 40 ปี เกือบทุกคนจะอยู่ในภาวะขาด HGH
อายุ 55 ปี ฮอร์โมนจะเหลือเพียง 20%
อายุ 80 ปี ฮอร์โมนเหลือ 0%
ภาวะการขาด HGH
กล้ามเนื้อลีบลง ความต้องการทางเพศลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ผิวหนังเหี่ยวย่น กระดูกพรุน ผมหงอก อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง สมองเสื่อม ความจำถดถอย ภาวะซึมเศร้า
การรักษาระดับ HGH ในร่างกายทำได้อย่างไร
ฉีดหรือ กิน HGH สังเคราะห์โดยแพทย์เท่านั้น
กินสารอาหารประเภทกรดอะมิโนที่จะไปกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่ง
ใช้ในรูปของสเปรย์ให้สารอาหารที่มีกรดอะมิโนที่จะไปกระตุ้นให้ต่อม ใต้สมองหลั่ง HGH
กรดอะมิโนดังกล่าวคือ อาร์จินีน ออนิทีน กลูตามีน ไลซีน
ผลของการให้ HGH
ย้อนกลับสู่วัยหนุ่มสาว ไขมันในร่างกายลดลง 5% - 10% โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ 10% เพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ควบคุมความดันโลหิตได้ดีขึ้น ลดไขมันคลอเลสเตอรอลในเลือด
แอปเปิ้ล!!! ผลไม้จากสวรรค์
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ ยอดนิยมชนิดหนึ่งของโลก ต้นแอปเปิ้ลสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลมีเปลือกสีแดง ชมพู เขียว และเหลืองตามสายพันธุ์ เนื้อในเป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวลคุณค่าโภชนาการ เมื่อกินโดยไม่ปอกเปลือก จะมีพลังงาน 80 แคลอรี วิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญต่างๆ ก็จะลดลงไปจากที่กล่าวไว้
แอ๊ปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ เพคติน มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส การกินแอปเปิ้ลช่วยให้ปอดแข็งแรง ไม่ว่าจะกินแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ตาม เพราะในผลแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “เคอร์ซีทิน” สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย วิธีการกินแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือต้องกินผลสดทั้งเปลือกซึ่งจะให้ได้รับสาร “เพกทิน”
แอปเปิ้ล!!! ผลไม้จากสวรรค์
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ ยอดนิยมชนิดหนึ่งของโลก ต้นแอปเปิ้ลสูงประมาณ 5-12 เมตร ผลมีเปลือกสีแดง ชมพู เขียว และเหลืองตามสายพันธุ์ เนื้อในเป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวลคุณค่าโภชนาการ เมื่อกินโดยไม่ปอกเปลือก จะมีพลังงาน 80 แคลอรี วิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม วิตามินซี 7.9 มิลลิกรัม เหล็ก 0.2 มิลลิกรัม ทองแดง 0.1 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 158.7 มิลลิกรัม หากปอกเปลือกปริมาณสารสำคัญต่างๆ ก็จะลดลงไปจากที่กล่าวไว้
แอ๊ปเปิ้ลมีสารสำคัญคือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ คือ เพคติน มีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณ บำรุงหัวใจ ลดคลอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และฆ่าเชื้อไวรัส การกินแอปเปิ้ลช่วยให้ปอดแข็งแรง ไม่ว่าจะกินแอปเปิ้ลเขียวหรือแดงก็ตาม เพราะในผลแอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ “เคอร์ซีทิน” สารตัวนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย วิธีการกินแอปเปิ้ลให้ได้สารเคอร์ซีทีนมากที่สุดก็คือต้องกินผลสดทั้งเปลือกซึ่งจะให้ได้รับสาร “เพกทิน”
อ.ย เลขที่ 10-3-3856-0001